วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Aerosoft สู๋ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี 2

Aerosoft สู๋ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี 2 



หลังจากออกเดินทางไปได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้มีการพักรถและพักคน  เพื่อให้มีโอกาสเข้าห้องน้ำห้องท่า ที่จริงในรถมีห้องน้ำในตัวอยู่ทุกข์เบาก็ OK แต่ถ้าทุกข์หนักหลายๆคนพร้อมกัน คงไม่ไหว   หนุ่มๆ สาวๆ  เลยขอโพรตท่าเก็บภาพซะหน่อย

รถบัสคันที่ 3 ครับ  ตีตั๋วนอนสบาย

ในที่สุดก็ถึงซะที เลคเฮฟเว่นรีสอร์ท  หลังจากนั่งรถมาครึ่งวัน  

ก็เริ่มเช็คอินและรับกุญแจห้องพักเป็นที่เรียบร้อย

ได้เวลาข้าวเที่ยงพอดี  กลุ่มทัวร์ Arosoft จึงพากันหาอะไรรองท้อง ก่อนทำกิจกรรมในช่วงบ่ายต่อไป

หลังจากทานข้าวเที่ยงเรียบร้อย ก็ได้เวลาเข้าห้องพักเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน  เก็บแรงไว้ทำกิจกรรมช่วงบ่าย เพราะแดดร้อนเหลือเกินตอนเที่ยง

แต่ละคนก็พักผ่อนตามอัทยาศัย  เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยไปกับการเดินทาง  ช่วงนี้ชมวิวที่พักไปพรางๆ ก่อน  ที่พักพร้อมบรรยากาศที่นี่ถือว่าไม่เลวเลย  สวยงามครับ

บรรยากาศอีกมุมครับ 
อุปกรณ์กิจกรรมที่ทางเลค เฮฟเว่น รีสอร์ท มีไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยว  ที่มาพักที่นี่ฟรี  ไม่รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้เครื่องยนต์

แต่ก่อนที่จะเล่นอุปกรณ์ทางน้ำ  เพื่อความปลอดภัย   ควรสวมใส่เสื้อชูชีพเสียก่อน   เพราะน้ำลึกมากๆ  และเป็นกฏระเบียบของที่นี่

หนุ่มๆ สาวๆ  กำลังสนุกสนานกับการละเล่น


-->

-->

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Aerosoft สู๋ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี


Aerosoft สู๋ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี 

Aerosoft  ซัมมิทฟุตแวร์ ได้มอบสวัสดิการแก่พนักงานของบริษัทฯ โดยจัดท่องเที่ยวเปิดฤดูปลายฝนต้นหนาวที่ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี  โดยมีหมายกำหนดการวันที่ 8 -9 ธันวาคม 2556ออกเดินทางสู่ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี  เวลา 08:00 น.  โดยรถบัสปรับอากาศ VIP  2 ชั้น 

เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท จ.กาญจนบุรีLake Heaven Resost จัดได้ว่าเป็นมัลดีฟแห่งแรกของกาญจนบุรี ด้วยที่พักบนแพลอยน้ำแบบส่วนตัว ณ บริเวณที่สวยที่สุดของเขื่อนศรีนครินทร์ ท่ามกลางความสงบเงียบ กลางสายน้ำที่ใสสะอาด เย็นสบาย มองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่ขึ้นเรียงราย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนผืนน้ำจืดก็ว่าได้ สถานที่ซึ่งรอการมาเยือนของนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ท่ามกลางสายน้ำ แสงแดด ขุนเขา และการผจญภัย ที่ๆ คุณจะได้ค้นพบความสนุก ความสุขกับกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ ล่องเรือยอร์ช กินลมชมวิวระหว่างน่านน้ำทะเลสาบสนุกกับเรือเร็วเจ๊ทสกี เครื่องเล่นทาง น้ำนานาชนิด รวมทั้งสนามฝึกขับ พร้อมเส้นทางท่องเที่ยวผจญภัยของรถ ATV และรถ BUGGY

เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ  และสัมผัสกับลมหนาวที่หาได้ยากในจังหวัดสมุทรปราการ  ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มากไปด้วยความร้อน  ฝุ่น ควันมากมาย  ได้ที่พักชื่อ แพดาหลา ห้องที่ 30 แล้วในภาพมันอยู่ตรงไหนหว่า.......  งานนี้ได้นัดกับเพื่อนที่ร่วมอุดมการ์ณเดียวกัน  เรื่องเตรียมอุปกรณ์สำหรับตกปลาในครั้งนี้
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง  ทุกคนพร้อมกันที่หน้าบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์  ดูแต่ละคนก็สดชื่นในวันที่ได้ไปพักผ่อน  ไม่รู้ว่ากลับมาหน้าตาแต่ละคนจะเป็นเยี่ยงไร ก็ขอภาพก่อนการเดินทาง สู่  เลคเฮฟเว่นรีสอร์ท  เป็นการทักทายก่อน  แล้วไปต่อกันที่หน้าเพจใหม่






-->

-->

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมทัลเล็กซ์ 2013 METALEX 2013

เมทัลเล็กซ์ 2013 METALEX 2013
เป็นงานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกล เป็นแหล่งรวมนักอุตสาหกรรมโลหะการขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่ยอดเยี่ยมและเข้าถึงกลุ่ม ลูกค้าจากทั่วอาเซียน ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ความเปลี่ยนแปลงและโอกาสในอนาคต  ที่สามารถนำไปปรับใช้ในโรงงาน และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน 
โดยในปีนี้ บรรดาผู้ผลิตเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีโลหะการมากกว่า 2,700 รายจาก 50 ประเทศทั่วโลก จะเดินทางมาร่วมคว้าโอกาสธุรกิจผ่านการเปิดตัวนวัตกรรมกว่า 4,000 รายการ พร้อมพบปะเจ้าของกิจการ ผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจซื้อ ตลอดจนนักอุตสาหกรรมชั้นนำรวมกว่า 68,000 รายจากทั่วภูมิภาคอาเซียนภายในงานนี้ งาน เมทัลเล็กซ์จัดขึ้นในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน  2556

                ผมเองได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมงาน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน  จุดประสงค์ คือ ต้องการศึกษาดูความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี  เพื่อนำมาเสริมสร้างแนวความคิดเพื่อลดต้นทุนในการสร้างเครื่องจักรกลให้กับบริษัท  และต้องการเปิดวิสัยทัศน์มุมมองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ราคาไม่สูงมากนัก ให้เกิดทางเลือกที่หลากหลาย

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

aerosoft ฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้น และซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี 2556

aerosoft ฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้น  และซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี 2556
วันนี้บริษัทซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด  ได้ดำเนินการฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้น  และซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี 2556  ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์การฝึกอบรมในครั้งนี้ จากฝ่ายงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลบางพลี อำเภอบางพลี  สมุทรปราการ ทั้งนี้มี ครูฝึกวินิจ  สิบศิริ  เป็นวิทยากรบรรยาย และฝึกปฏิบัติภาคสนาม ในครั้งนี้
วัตถุประสงค์  
-เพื่อให้ถูกต้องตามประกาศกระทรวงกฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2555
- เพื่อให้ผู้รับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความปลอดภัย
- เพื่อให้ผู้เข้าการฝึกอบรม ได้รู้จักและมีทักษะในการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงขั้นต้น

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

อคติ ตัวการทำลายความยุติธรรม


อคติ ตัวการทำลายความยุติธรรม
เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ในสังคมไทยของเราเวลานี้ มันมีตัวเสนียดจัญไรอยู่สองตัวคือ ริษยากับ อคติตัวอุบาทว์จัญไรสองตัวนี้แหละที่มันคอยบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของสังคมไทย ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ว่ากลับลากให้ถอยหลังเข้ารถเข้าพงเข้าสู่ดงแห่งความมืดบอดทางจิตใจ
ทุกคนต้องการความเป็นธรรม  แต่ความเป็นธรรมหรือความยุติธรรมยากที่จะหาได้ในโลก เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่มีความเป็นธรรม จึงไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ใครได้ ให้ได้แค่ทำให้ผู้อื่นพอใจเป็นครั้งคราว  เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงได้แต่ความพึงพอใจจากผู้อื่นเป็นครั้งคราว ความพึงพอใจนี้เองที่เราเรียกว่าความยุติธรรม เช่นเดียวกับความไม่พึงพอใจที่เราเรียกว่าความไม่ยุติธรรม  เหตุที่ความยุติธรรมหาได้ยากในโลก   เพราะคนส่วนใหญ่มีอคติหรือมีความลำเอียงอยู่ในใจ พระพุทธเจ้าทรงจำแนก  ความอคติไว้ 4 อย่าง ได้แก่  อคติเพราะความรัก อคติเพราะความชัง   อคติเพราะความเขลา  อคติเพราะความกลัว

อคติเพราะความรัก 
ทำให้เกิดความลำเอียง  เมื่อมนุษย์เราจะทำอะไรก็มักจะคิดถึงประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้องก่อนเสมอ ทำให้เกิดความลำเอียงเพราะความรักพวกพ้องและตัวเอง
อคติเพราะความชัง  
                เพราะมีความโกรธเป็นอารมณ์อยู่แล้ว เวลาตัดสินอะไรหรือคิดอะไรจะพุ่งมาด้วยความชอบ คือถ้าชอบใจก็จะช่วย แต่หากชังก็จะใส่ร้ายป้ายสี
อคติเพราะความเขลา 
อคติเพราะโง่เขลา จะตัดสินปัญหาใดๆ ก็ผิด เพราะเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่าย ไม่มีสติปัญญา ไม่มีคุณธรรม ตัดสินปัญหาต่างๆด้วยอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ไม่มีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ หน้าที่การงาน  ไม่มีความจริงใจต่อตนเอง และผู้อื่น ทำให้สังคมเสื่อมโทรม ไม่ควรเคารพนับถือ ไม่ควรคบค้าสมาคม นี้คือ  ผู้ที่ขาดคุณธรรมทั้ง ๓ อย่าง
อคติเพราะความกลัว
อคติเพราะความกลัว กลัวว่าคนอื่นจะได้ดีเกินหน้า การทำให้เสียความยุติธรรม เพราะมีความหวาดกลัว หรือเกรงกลัวภยันตราย วิธีแก้ทำได้ด้วยการพยายามฝึกให้เกิดความกล้าหาญ โดยเฉพาะความกล้าหาญทางจริยธรรม คือ กล้าคิด กล้าพูดในสิ่งที่ดีงาม


เมื่ออคติเกิดขึ้นในใจของหัวหน้างานเมื่อใด เมื่อนั้นเขาจะขาดคุณสมบัติของการเป็นหัวหน้างานที่ดีไปทันที เพราะอคติจะเข้ามาบิดเบือนการใช้อำนาจในฐานะหัวหน้า บิดเบือนความยุติธรรมที่หัวหน้าควรจะมี และสะท้อนการทำหน้าที่หัวหน้าล้มเหลว ลองพิจารณาเฉพาะอคติในการประเมินผล ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อ องค์กรองค์กรจะไม่สามารถรับรู้กำลังคนที่มีประสิทธิภาพแท้จริง หัวหน้าจะได้ทำงานกับคนที่ถูกใจ แต่อาจไร้ประสิทธิภาพ..... อีกทั้งต้องเผชิญหน้ากับลูกน้องที่เปลี่ยนมาเป็นศัตรู เพราะรู้สึกว่าหัวหน้าลำเอียง และ ลูกน้องคนที่ได้รับการประเมินสูงเกินความจริง ย่อมพึงพอใจ แต่จะไม่รู้ประสิทธิภาพการทำงานที่แท้จริงของตน ส่วนคนที่ได้รับการประเมินที่ต่ำกว่าความจริง ย่อมรู้สึกว่า หัวหน้าลำเอียง และไม่ต้องการทำงานต่อไป

-->

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อินเตอร์แมค2013


อินเตอร์แมค2013
อินเตอร์แมคเป็นงานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรม  โดมมีกว่า 1,200 บริษัท  จาก 35 ประเทศทั่วโลก  ได้นำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ล่าสุด 4,000 รายการ  และร่วม  100 รายการ  ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในอาเซียนและในประเทศไทย  ซึ่งได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 30
โดยเมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีกำหนดให้มีผลในปี 2015  ตลาดในภูมิภาคอาเซียนจะกลายเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ประกอบด้วยประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ หมายความว่าบรรดาผู้ประกอบการและผู้ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรม จะได้สัมผัสกับโอกาสทางธุรกิจที่มากยิ่งขึ้นและอินเตอร์แมค 2013 ก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สูงยิ่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่างานอินเตอร์แมค 2013 จะมีผู้เข้าร่วมงานชั้นนำเข้าร่วมกว่า 1,200 รายจาก 35 ประเทศ ทำให้เป็นหนึ่งในงานแสดงระดับภูมิภาคที่ไม่ควรพลาด
โดยงานอินเตอร์แมค 2013 จะเริ่มวันที่16 - 19 พฤษภาคม 2556 ณ. ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา   พิเศษสุดเสริมความแข็งแกร่งอุตสาหกรรมด้วย งานซับคอนไทยแลนด์ 2013
ผู้ที่อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีเครื่องจักรกล  ที่ต้องศึกษาค้นคว้าทดลองไม่ควรพลาด  1 ปี  มีหนึ่งครั้ง
ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่
โทร : 02-6426911 หรือ
-->

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

นิวเมติก อุปกรณ์จับอัตโนมัติ


นิวเมติก อุปกรณ์จับอัตโนมัติ
อุปกรณ์จับ เคลื่อนย้ายชิ้นงาน SOLUTIONS FOR INDUSTRIAL AUTOMATION ที่ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำ สะดวกในการออกแบบติดตั้ง


สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
บริษัทนิวแม็ก จำกัด


-->

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ก่อนแม่จะสิ้นลมหายใจ


ก่อนแม่จะสิ้นลมหายใจ
ผมได้พบบทความที่อ่านแล้วรู้สึกหดหู่ใจกับสังคม  ที่นับวันจะเสื่อมโทรมลงทุกวัน  จึงได้นำบทความนี้มาเผยแพร่ต่อ  เพื่อสะท้อนให้เห็น  และเพื่อเป็นคติเตือนใจ
บ้านพักคน...ชราที่ผมไปเยี่ยมเยือนมาหลังวันเกิดในเดือนที่ แล้ว เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ไม่ใหญ่โตนัก ที่นี่ เป็นส่วนหนึ่งของวัดเล็กๆ ที่สมภารเจ้าอาวาส อดีตนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ท่านเอาเงินที่ญาติโยมศรัทธาถวายท่านมาปลูกสร้าง เพื่อให้ผู้เฒ่า ผู้ชรา ได้มาพักอาศัยยามเมื่อขาดที่พึ่งพิง มีโยมผู้หญิงวัยกลางคน ไร้ญาติและสิ่งเกาะเกี่ยวทางโลก มาบำเพ็ญธรรมโดยไม่บวชชี ท่วงท่าเจรจาพาทีดูสำรวมราบเรียบ พร้อมเด็กวัดลูกชาวบ้านแถบนั้น แวะเวียนผลัด เปลี่ยนกันเป็นผู้ดูแลผู้ชราทั้งหญิงชาย ที่ถูกทอดทิ้งรวม13 ชีวิต

ค่าจ้าง คนดูแล น้ำ ไฟ เสื้อผ้ายารักษาโรค ข้าวปลาอาหาร สมภารใจดี อดีตนักเรียนช่างกล ที่รอดตายมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516เหมาจ่าย คนเดียว โดยไม่เคยพิมพ์ฏีกาเรี่ยไรใคร พูดคุยกับท่านหลายเรื่องจนตอนจะลากลับผมควักเงิน 500 บาทใส่ซอง ถวายท่านเป็นค่าใช้ จ่าย ท่านจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ ชวนผมเดินลงจากศาลา ไปที่บ้านพักคนชราแห่งนั้น เปิดนรกบนดินอีกขุมหนึ่ง ให้คนบาปอย่างผม มีดวงตาเห็นธรรม โดยไม่ต้องฟังเทศน์เทียบชาดกบทใดๆ
หญิงชรารูปร่างเล็ก ผิวสองสีบอบบางทอดกาย เหยียดตรงบนเตียงเล็กๆ แต่สะอาด มีผ้าห่มผืนบางๆ ห่มปิดทรวงอกที่ยังกระเพื่อมเบาๆ ราวเครื่องยนต์ใกล้ดับอย่างเหนื่อยหน่าย แม่เฒ่าพยายามยกมือขึ้นประนมไหว้ เมื่อท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบเตียง กังวานน้ำเสียงแห่งพุทธบุตรผู้เมตตาเปล่งวาจา ถามไถ่อาการ และให้ศีลให้พรเบาๆ แต่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ หยาดน้ำตาแห่งความปิติ ท่วมท้นดวงตาสีขาวขุ่น แล้วค่อยๆ ซึมเซาะรินไหลไปตามร่องขอบตา ที่เหี่ยวย่นบนใบหน้า เวทนาบังเกิดจนผมต้องเบือนหน้าหนี ผู้เฒ่าอายุ 91 ปี อาวุโสสูงสุดในจำนวน 13 คนชราของที่นี่  เรื่องราวทั้งหลายในอดีตยังเจิดจ้าอยู่ในความทรงจำ เหมือนเพิ่งเกิด เมื่อวาน.......
แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปี ที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด สามี ของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร่างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่า แรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้างทอผ้าอยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้น สามารถสร้างหลักฐาน จนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนัก ไม่ยอมพัก หวังจะฟูมฟักลูก 3 คนให้อยู่อบอุ่น กินอิ่ม โดยไม่ต้องลำบาก ช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้ว อยู่บ้านเลี้ยงลูก 3คน ที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่น มาร่ำลาหมอที่โรง พยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้งๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าซักหยด แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิดเป็นร้านค้าโชห่วย ขายของสารพัดชนิด อดทนอด ออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียน จนจบปริญญา ครอบครัวอบอุ่น พี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสายเลือด
ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่เฒ่า ไม่เคยมีความสุขครั้งไหน เหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน สมบัติที่มี แม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโตเปิดร้านขายทอง ตามที่สะใภ้ต้องการ ปีต่อมา ลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคน แม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้น ให้เป็นสมบัติของลูกด้วยความยินดี โดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย
สองปีถัดมา ลูกสาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัด แม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่า รับขวัญลูกเขยด้วย ความปรีดา

สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก ตั้งแต่แต่งเข้าบ้าน ไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือน ซักผ้า ทำกับข้าว จัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะ คอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือ ก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดปัดถูบ้านช่องเรียบร้อยแล้วจึงได้พักผ่อน ด้วยการเดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้านในวัยไล่เลี่ยกัน สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิด ที่ซื้อมาทำกับข้าว ต้องถามราคา แล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้า กับเงินทอนที่เหลือ ต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์ แล้ววันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่ หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโต เพื่อกินกันแค่สองผัวเมีย แล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันละยี่สิบบาท ไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึกๆ ในใจ ไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้นเส่วนเกิน
แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูกๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้น เพราะความรักลูก
หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโต ที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้าน สะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียดๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์ สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้านจ ะคุยกับลูกชายนั่น ก็ออกอาการไม่ว่าง ถามคำตอบคำ เหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่ เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโต ที่ห้อยแขวนพระเครื่องราคาแพง ในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ขึ้นมา ส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส และไม่แม้แต่จะชายตามองแม่เฒ่า ที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโตอย่างเหงาๆ โดยมีคนใช้ของลูก หิ้วถุงผลไม้ ตามมายัดคืนใส่มือ ระหว่างทาง ก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่า มันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง
ลูกสาวคนเล็ก ที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่น แทบไม่ต้องพูดถึง เธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต้ครั้งแรกที่ไปเยี่ยมว่า ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหา เพราะบ้านเธอมีแขกที่เป็นลูกน้องของผัว และพ่อค้าวานิชเข้าพบผัวของเธอ เพื่อขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อยๆ และผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง ถ้าแม่เฒ่ารักลูก ก็ควรจะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจ ว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้น ต้องทำอย่างไร แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดี ลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคน แม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้ม ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคน จึงเหมือนกำแพงชนชั้น ปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูกจนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สอง กระทบธุรกิจของสองผัวเมีย จนทรวดเซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่า ที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมด ปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้าน ส่งสัญญาณถึงขาลง สองผัวเมียเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และแทบทุกครั้ง ลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล โดยที่ลูกชายก็ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...
12 มิถุนายน ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆ สลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะๆ ครู่ใหญ่ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับ ปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคนเดียว แม่เฒ่าจำได้ว่า วัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้านขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดินเข้าไปเก็บในลิ้นชัก โดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่อง ช่วยกันแบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อย สองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้าน ช่วยกันเก็บของเข้าร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ๆ เคยวาง เมื่อไม่เห็นลังบุหรี่ จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่า ที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้ง เพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่าไม่เห็น ก่อนปักธูปลงกระถาง เสียงสบถด้วยคำหยาบของลูกชาย ก็ดังสวนสนั่นบ้าน ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์
ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การไม่รู้ ด้วยซื่อบริสุทธิ์ โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำเดียว กว่าชั่วโมงในห้อง แอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมียให้เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำ ให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้านโดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่า ที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้าน ด้วยความหนาวเหน็บ สายฝนยังสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่เฒ่าที่บ้าน บ้านซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้าน แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีด กับภาพเบื้องหน้า ที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่าๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะ บนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามี แตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำของสามี จนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก น้ำตาแห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝน ปวดร้าว เหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ
แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้าๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าตลาดไป หยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขายทองของลูกชายคนโต เหมือนเป็นการบอกลาแล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝน ไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็ก เก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ใหญ่ จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ ดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาท บรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติ ติดตามมาทวงคืน ให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน รถกระบะเก่าๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสาม เศษๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ด้วยใจเมตตา
เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์เก่ายังอยู่ นาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต จึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิงเหมือนร่มเงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม ฟ้าเริ่มขมุกขมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภาร และแม่เฒ่า เจ้าของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้ แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆ กับที่ทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหา จะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัด แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของลูกทั้งสาม
ผมจากลาออกมา ทั้งที่น้ำตาเปื้อนหน้า ประโยคสุดท้ายของแม่เฒ่าที่ฝากมา.. ' แม่จำลูกได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เกิดจนโตจ ะทุกข์จะสุข ก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย... เมื่อลูกยังเป็นทารก ทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อยๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหวๆ วันนี้แม่สิ้นแรงแทบ สิ้นใจ จะมีมือของลูกคนไหน เอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม.....'
-->