เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง
ในสังคมไทยของเราเวลานี้ มันมีตัวเสนียดจัญไรอยู่สองตัวคือ “ริษยา”
กับ “อคติ” ตัวอุบาทว์จัญไรสองตัวนี้แหละที่มันคอยบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของสังคมไทย
ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ว่ากลับลากให้ถอยหลังเข้ารถเข้าพงเข้าสู่ดงแห่งความมืดบอดทางจิตใจ
ทุกคนต้องการความเป็นธรรม
แต่ความเป็นธรรมหรือความยุติธรรมยากที่จะหาได้ในโลก
เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่มีความเป็นธรรม จึงไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ใครได้ ให้ได้แค่ทำให้ผู้อื่นพอใจเป็นครั้งคราว เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงได้แต่ความพึงพอใจจากผู้อื่นเป็นครั้งคราว
ความพึงพอใจนี้เองที่เราเรียกว่า ”ความยุติธรรม“
เช่นเดียวกับความไม่พึงพอใจที่เราเรียกว่า”ความไม่ยุติธรรม“ เหตุที่ความยุติธรรมหาได้ยากในโลก
เพราะคนส่วนใหญ่มีอคติหรือมีความลำเอียงอยู่ในใจ พระพุทธเจ้าทรงจำแนก ความอคติไว้ 4 อย่าง ได้แก่ อคติเพราะความรัก อคติเพราะความชัง อคติเพราะความเขลา อคติเพราะความกลัว
อคติเพราะความรัก
ทำให้เกิดความลำเอียง เมื่อมนุษย์เราจะทำอะไรก็มักจะคิดถึงประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้องก่อนเสมอ
ทำให้เกิดความลำเอียงเพราะความรักพวกพ้องและตัวเอง
อคติเพราะความชัง
เพราะมีความโกรธเป็นอารมณ์อยู่แล้ว
เวลาตัดสินอะไรหรือคิดอะไรจะพุ่งมาด้วยความชอบ คือถ้าชอบใจก็จะช่วย
แต่หากชังก็จะใส่ร้ายป้ายสี
อคติเพราะความเขลา
อคติเพราะโง่เขลา
จะตัดสินปัญหาใดๆ ก็ผิด เพราะเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่าย ไม่มีสติปัญญา ไม่มีคุณธรรม
ตัดสินปัญหาต่างๆด้วยอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ไม่มีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ
หน้าที่การงาน ไม่มีความจริงใจต่อตนเอง
และผู้อื่น ทำให้สังคมเสื่อมโทรม ไม่ควรเคารพนับถือ ไม่ควรคบค้าสมาคม นี้คือ ผู้ที่ขาดคุณธรรมทั้ง ๓ อย่าง
อคติเพราะความกลัว
อคติเพราะความกลัว กลัวว่าคนอื่นจะได้ดีเกินหน้า
การทำให้เสียความยุติธรรม เพราะมีความหวาดกลัว หรือเกรงกลัวภยันตราย
วิธีแก้ทำได้ด้วยการพยายามฝึกให้เกิดความกล้าหาญ โดยเฉพาะความกล้าหาญทางจริยธรรม
คือ กล้าคิด กล้าพูดในสิ่งที่ดีงาม
เมื่ออคติเกิดขึ้นในใจของหัวหน้างานเมื่อใด
เมื่อนั้นเขาจะขาดคุณสมบัติของการเป็นหัวหน้างานที่ดีไปทันที
เพราะอคติจะเข้ามาบิดเบือนการใช้อำนาจในฐานะหัวหน้า
บิดเบือนความยุติธรรมที่หัวหน้าควรจะมี และสะท้อนการทำหน้าที่หัวหน้าล้มเหลว
ลองพิจารณาเฉพาะอคติในการประเมินผล ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อ องค์กร…องค์กรจะไม่สามารถรับรู้กำลังคนที่มีประสิทธิภาพแท้จริง
หัวหน้า…จะได้ทำงานกับคนที่ถูกใจ แต่อาจไร้ประสิทธิภาพ.....
อีกทั้งต้องเผชิญหน้ากับลูกน้องที่เปลี่ยนมาเป็นศัตรู
เพราะรู้สึกว่าหัวหน้าลำเอียง และ ลูกน้อง…คนที่ได้รับการประเมินสูงเกินความจริง
ย่อมพึงพอใจ แต่จะไม่รู้ประสิทธิภาพการทำงานที่แท้จริงของตน
ส่วนคนที่ได้รับการประเมินที่ต่ำกว่าความจริง ย่อมรู้สึกว่า หัวหน้าลำเอียง
และไม่ต้องการทำงานต่อไป
-->
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น