บริษัทซัมมิทจัดทำกิจกรรมตรวจสุขภาพประจำปี2555
ให้กับพนักงาน
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2555
บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ได้มีความห่วงใยในสุขภาพของพนักงาน จึงได้จัดทำกิจกรรม
ตรวจสุขภาพประจำปี2555 ให้แก่พนักงานของบริษัทฯ ตามแผนงานความปลอดภัย มาตรา ๑๐๗
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
กำหนดการตรวจสุขภาพ พนักงาน ประจำปี 2555 ในวันเสาร์ ที่ 18 สิงหาคม 2555 เวลา 08: 00 น. - 17: 00 น. โดยศูนย์ตรวจวิเคราะห์และวิจัยทางการแพทย์ บริษัท ไลฟ? ไดแอ็ก จำกัด โปรแกรมการตรวจสุขภาพ มี 5 รายการดังนี้
1. ตรวจทั่วไปโดยแพทย์
2. การวัดดัชนีมวลกาย
3. ตรวจวัดสายตา สั้น ยาว เอียง และบอดสี
4. ตรวจสมรรถภาพกล้ามเนื้อมือ
5. เอ็กซเรย์ทรวงอกระบบดิจิตอล
และยังมีรายการตรวจเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจ ทั้งนี้การตรวจสุขภาพเพิ่มเติมต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง แต่ราคาไม่สูงมากประมาณชนิดละ 30 - 200 บาท เท่านั้นเอง ทำให้มีพนักงานขอรับบริการตรวจสุขภาเพิ่มเติมกันเป็นจำนวนมากเลยที่เดียว และได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารและพนักงานเป็นอย่างดี ไปดูภาพบรรยากาศภายในงานว่าเป็นอย่างไรกันล้าง
บันทึกหลักการและเหตุผล
ประกอบกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง
และส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๗
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลักการ
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง และส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน
เหตุผล
โดยที่มาตรา ๑๐๗
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงแรงงานมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง
และส่งผลการตรวจแก่พนักงานแรงงาน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
กฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง
และส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๗
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๑๐๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา
๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕
มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามทบบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงได้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๒ ในกฎกระทรวงนี้
“การตรวจสุขภาพ” หมายความว่า
การตรวจร่างกายและสภาวะทางจิตใจตามวิธีทางการแพทย์เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสม
และผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้างอันอาจเกิดจากการทำงาน
“งานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง” หมายความว่า
งานที่ลูกจ้างทำเกี่ยวกับ
(๑) สารเคมีอันตรายตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
(๒) จุลชีวันเป็นพิษซึ่งอาจเป็นเชื้อไวรัส
แบคทีเรีย รา หรือสารชีวภาพอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
(๓) กัมมันตภาพรังสี
(๔) ความร้อน ความเย็น ความสั่นสะเทือน ความกดดันบรรยากาศ แสง เสียง หรือสภาพแวดล้อมอื่นที่อาจเป็นอันตราย
ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
หมวด ๑
การตรวจสุขภาพ
-------------------------------
ข้อ ๓ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงโดยแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้านอาชีวเวชศาสตร์
หรือที่ผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ หรือที่มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีประกาศกำหนด
โดยตรวจสุขภาพลูกจ้างครั้งแรกให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน
และตรวจสุขภาพลูกจ้างครั้งต่อไปอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานที่เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงนั้น
มีความจำเป็นต้องตรวจสุขภาพตามระยะเวลาอื่น ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างตามระยะเวลานั้น
ในกรณีนายจ้างเปลี่ยนงานของลูกจ้างที่มีอันตรายแตกต่างไปจากเดิม
ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างทุกครั้งให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เปลี่ยนงาน
ข้อ ๔ ในกรณีที่ลูกจ้างหยุดงานสามวันทำงานต่อต่อกันเนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยไม่ว่ากรณีใด
ๆ นายจ้างอาจขอความเห็นจากแพทย์ผู้ทำการรักษา หรือแพทย์ประจำสถานประกอบกิจการหรือจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างก่อนให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานอีกก็ได้
หมวด ๒
การบันทึกผล การแจ้ง และการส่งผลการตรวจสุขภาพ
-----------------------------------
ข้อ ๕ ในการตรวจสุขภาพของลูกจ้างตามข้อ
๓ ให้แพทย์ผู้ทำการตรวจบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับผลการตรวจสุขภาพ โดยให้ระบุความเห็นของแพทย์ที่บ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพของลูกจ้างที่มีผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือลักษณะงานที่ได้รับมอบหมายของลูกจ้าง
พร้อมทั้งลงลายมือชื่อแพทย์ผู้ทำการตรวจหรือให้ความเห็นในวันที่ทำการตรวจหรือให้ความเห็นนั้น
ข้อ ๖ ให้นายจ้างจัดให้มีสมุดสุขภาพประจำตัวของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
และให้นายจ้างบันทึกผลการตรวจสุขภาพของลูกจ้างในสมุดสุขภาพประจำตัวของลูกจ้างตามผลการตรวจของแพทย์ทุกครั้งที่มีการตรวจสุขภาพ
ข้อ ๗ ให้นายจ้างเก็บบันทึกผลการตรวจสุขภาพของลูกจ้างตามข้อ
๓ รวมทั้งข้อมูลสุขภาพอื่นที่เกี่ยวข้อง และพร้อมที่จะให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจสอบได้ตลอดเวลาโดยให้เก็บไว้ ณ
ที่ทำการของนายจ้างไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันสิ้นสุดของการจ้างแต่ละราย
เว้นแต่มีการร้องทุกข์ว่านายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมีการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับโรคหรืออันตรายอย่างใดต่อสุขภาพของลูกจ้าง
แม้จะพ้นเวลาที่กำหนดให้นายจ้างเก็บรักษาเอกสารนั้นไว้จนกว่าจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ มิให้นายจ้างนำข้อมูลนั้นไปใช้ในทางที่เป็นโทษแก่ลูกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข้อ ๘ ให้นายจ้างแจ้งผลการตรวจสุขภาพให้แก่ลูกจ้าง
ดังนี้
(๑) กรณีผลการตรวจสุขภาพผิดปกติ
ให้แจ้งแก่ลูกจ้างผู้นั้นภายในระยะเวลาสามวันนับแต่วันที่ทราบผลการตรวจ
(๒) กรณีผลการตรวจสุขภาพปกติ
ให้แจ้งแก่ลูกจ้างผู้นั้นภายในระยะเวลาเจ็ดวันนับแต่วันที่ทราบผลการตรวจ
ข้อ ๙ ในกรณีที่พบความผิดปกติของลูกจ้าง
หรือลูกจ้างมีอาการหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างได้รับการรักษาพยาบาลทันที และทำการตรวจสอบหรือหาสาเหตุของความผิดปกติเพื่อประโยชน์ในการป้องกัน
ให้นายจ้างส่งผลการตรวจสุขภาพของลูกจ้างที่พบความผิดปกติหรือการเจ็บป่วย
การให้การรักษาพยาบาลและการป้องกันแก้ไขต่อพนักงานตรวจแรงงานตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบความผิดปกติหรือการเจ็บป่วย
ข้อ ๑๐ ถ้าลูกจ้างผู้ใดมีหลักฐานทางการแพทย์จากสถานพยาบาลของราชการหรือที่ราชการยอมรับ
แสดงว่าไม่อาจทำงานในหน้าที่เดิมได้ ให้นายจ้างเปลี่ยนงานให้แก่ลูกจ้างผู้นั้นตามที่เห็นสมควร
ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างเป็นสำคัญ
ข้อ ๑๑ ให้นายจ้างมอบสมุดสุขภาพประจำตัวให้แก่ลูกจ้างเมื่อสิ้นสุดการจ้าง
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๒๙ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๔๗
( นางอุไรวรรณ เทียนทอง
)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา
เล่ม ๑๒๒ ตอนที่
๔ ก วันที่ ๑๓
มกราคม ๒๕๔๘